18 ตุลาคม 2561
บทสัมภาษณ์ของทูตตระกูลเจี่ย – ข้อคิดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีต่อการเรียน
และการทำงานในอนาคต
INSPIRATION : แรงบันดาลใจ
- แบบอย่างในการทำงาน
ผมเชื่อว่าผู้นำที่เก่งจริงคือคนที่สามารถส่งเสริมให้คนรอบข้างได้ใช้ศักยภาพของตนเองได้มากที่สุด รวมไปถึงการวางตัวคนให้เหมาะสมกับงาน เวลา โอกาส และสถานที่ ผู้นำที่ดีควรจะรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของคนในทีมเพื่อที่จะหาโอกาสและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการแสดงศักยภาพของเขาได้ การมีวิสัยทัศน์ก็เป็นเรื่องสำคัญ ผู้นำควรจะมีความรู้เชิงลึกของธุรกิจที่ตนเองทำอยู่และมีทิศทางที่ชัดเจนเพื่อที่จะนำทีมของตนมุ่งไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
EDUCATION & EXPERIENCE
: ประวัติการศึกษาและการทำงาน
- ได้เรียนรู้อะไรจากมหาวิทยาลัยบ้าง
อย่างแรกเลย
คือได้ความรู้ ถึงแม้ว่าเวลาทำงานจริง เราจะไม่ได้ใช้ความรู้ทุกอย่างที่เรียนมา
แต่การเรียนในมหาวิทยาลัยเป็นการฝึกพัฒนาสมอง ฝึกกระบวนการคิด
เป็นโลกแห่งการทำงานจำลอง เราสามารถลองผิดลองถูกได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกการทำงานร่วมกับคนอื่น การเข้าสังคม
- ตอนเรียนกับตอนทำงานแตกต่างกันอย่างไร
ตอนเรียน ชีวิตคือการทำโจทย์ หาคำตอบของโจทย์นั้นๆ แต่ตอนทำงาน ชีวิตคือการหาโจทย์ สร้างโจทย์ใหม่ๆขึ้นมาเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่เราไม่รู้ ถือเป็นความท้าทายอีกรูปแบบหนึ่งที่ตอนเรียนไม่มี ยิ่งเราหาโจทย์ที่ดีได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการพัฒนาตนเองมากเท่านั้น การแก้โจทย์มันไม่ยากเท่ากับการหาโจทย์ที่ถูกต้อง การหาโจทย์นั่นละคือความท้าทายที่ยากที่สุดในชีวิต
WORKING STYLE : แนวทางในการทำงาน
- สไตล์งาน
ถนัดหรือชื่นชอบงานประเภทไหน
ชอบทุกด้านเกี่ยวกับการจัดการ
การวางแผน และด้านการประสานงาน โดยผมเน้นการทำงานเป็นทีม
การคุยกัน เข้าใจกัน เนื่องจากในการทำงานต้องอาศัยหลายๆ ฝ่ายในการร่วมมือกัน
เพื่อให้งานออกมาดีและเสร็จสมบูรณ์ตามที่ได้วางเป้าหมายไว้
- สไตล์การทำงาน แนวทางหรือปรัชญาในการทำงาน
ในเรื่องการทำงาน
ผมเปรียบเสมือน Conductor ในวง
orchestra ส่วนตัวเลขก็เหมือนตัวโน้ต
ซึ่งการบรรเลงเพลงหนึ่งเพลงจะต้องอาศัยเครื่องดนตรีหลายชนิดช่วยกันเล่นเพื่อให้ออกมาเป็นเพลงที่ไพเราะ
conductor เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการกำกับให้การบรรเลงนั้นออกมาสมบูรณ์
ก็เหมือนกับการทำงานเช่นกันเราก็ต้องอาศัยความร่วมมือของลูกทีมทุกคนในองค์กรเพื่อพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
HOW TO SUCCEED : เส้นทางสู่ความสำเร็จ
- ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในงาน
3 คำสั้นๆ คือ “มุ่งมั่น มีวินัย และรักในอาชีพของตัวเอง” อย่างที่รู้ๆ กันว่ากว่าจะฝึกฝนตนเองให้เก่งเฉพาะด้านได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการจะเรียนหรือ ทำงานเป็นมืออาชีพทางด้านใดด้านหนึ่งนั้นต้องอาศัยความมุ่งมั่นเป็นแรงขับเคลื่อน หากไม่มีความมุ่งมั่นมากพอก็มักจะล้มไปกลางคันเสียก่อน นอกจากความมุ่งมั่นแล้ว ยังต้องมีนิวัยในตนเองอีกด้วย เช่น ถ้าจะต้องสอบก็ควรกำหนดเวลาที่จะอ่านหนังสือต่อวัน ก็ต้องทำให้ได้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และเมื่อได้มาทำงานแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จในอาชีพคือ การที่มีใจรักในอาชีพนี้ ซึ่งทำให้รู้สึกว่างานที่ทำให้ทุกวันเหมือนไม่ใช่งาน แต่คือความสนุก ความท้าทายในชีวิต
WORK & LIFE : การทำงานและการดำเนินชีวิต
- ข้อดีและข้อเสียของการเป็นมืออาชีพเป็นอย่างไร
ข้อเสียก็คงเป็นเรื่องที่จะต้องทุ่มเทเวลากับการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนี้
ซึ่งถ้าไม่มุ่งมั่นพอก็จะไปถึงดวงดาวได้ยาก ทำให้จะต้องระวังเรื่องสุขภาพไปด้วย แต่ถ้าไม่นับข้อเสีย
ก็จะเห็นว่าข้อดีของเส้นทางการเป็นมืออาชีพนี้คือการได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
การได้แข่งขันกับตัวเอง มีความภูมิใจในงาน
-
การทำงานส่งผลต่อการดำเนินชีวิต หรือชีวิตส่วนตัวอย่างไรบ้าง
บริหารเวลาได้ค่อนข้างยาก
เมื่อก่อนผมเอาแต่สนุกกับการทำงาน แ ละก็ยังเรียนต่อโทอีกสองใบตอนที่อยู่ฮ่องกง
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เสียสุขภาพมาก แต่วันหนึ่งผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ซึ่งหนังสือเล่มนั้นกล่าวไว้ว่า คนเราต้องโยนบอลอยู่สามลูก คือ งานกับเงิน
ลูกที่สองคือสุขภาพ ลูกที่สาม ก็คือความสัมพันธ์ มนุษย์ไม่อาจก้าวถึงความเป็นสุดยอดได้
ถ้าขาดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
และคงเหมือนกับขาตั้งกล้องที่ไม่อาจถ่ายรูปได้อย่างแน่นอน
หากขาใดขาหนึ่งเกิดล้มหรือหักไป ผมจึงให้ความสำคัญกับลูกบอลทั้ง 3 ลูกเป็นอย่างมาก ผมจึงหันมาให้ความสำคัญกับคำว่า work
life balance มากยิ่งขึ้น
PRIDE & HAPPINESS : ความภูมิใจและความสุขในการทำงาน
- อะไรคือความภูมิใจ
คุณค่าและความสุขในการทำงาน
การที่เราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าให้กับสังคมในขอบเขตที่เราสามารถทำได้
- ปรัชญาในการทำงาน
ผมยึดหลัก 6P “Proper Prior Planning Prevents Poor Performance”
ซึ่งช่วยให้ผมสามารถจัดลำดับความสำคัญ จัดการ และแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ