19 กันยายน 2568
การคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐานการบัญชีไทย ฉบับที่ 19 (TAS19) นั้นเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดและความซับซ้อนสูง
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เราขอสรุป 5 เรื่องพื้นฐานที่ควรทราบมีดังนี้
1. ค่าจ้าง ไม่ใช่แค่เงินเดือนเท่านั้น
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือการนับเฉพาะเงินเดือนเป็นค่าจ้างในการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน แต่อันที่จริงแล้ว เงินประจำตำแหน่ง ค่ารถ ค่าเบี้ยเลี้ยง หรือเงินที่จ่ายประจำทุกเดือนก็นับรวมเป็นค่าจ้างด้วย เพื่อป้องกันการเอาเปรียบพนักงาน เพราะหากไม่นับรวม อาจมีบางบริษัทที่ให้เงินเดือนแค่นิดเดียว แล้วไปเพิ่มค่าเบี้ยเลี้ยงเยอะ ๆ ทำให้เมื่อต้องจ่ายเงินชดเชยจะจ่ายจากฐานเงินเดือนที่ไม่สูงมาก
2. เกษียณอายุ เท่ากับเลิกจ้าง
มีหลายคนเข้าใจผิดว่าหากพนักงานขอเกษียณอายุ
เท่ากับว่าพนักงานขอลาออกจากงาน และไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้าง แต่จริง ๆ แล้ว
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ระบุว่าการเกษียณอายุถือเป็นการเลิกจ้าง
นายจ้างจึงจำเป็นต้องคำนวณและจ่ายเงินเกษียณอายุหรือเงินชดเชยตามกฎหมาย
และในกรณีที่ไม่มีการกำหนดอายุเกษียณ หรือกำหนดอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี เช่น 70 ปี หรือ 80 ปี พนักงานยังคงมีสิทธิ์ขอเกษียณเมื่ออายุครบ 60 ปี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่พนักงานต้องทำงานจนเกินวัย
3. ภาระผูกพันจากการอนุมาน
หากพนักงานอนุมานหรือเข้าใจว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการปฏิบัติของบริษัท
เช่น การจ่ายโบนัสตามวาระ หรืองานเลี้ยงที่จัดทุกปี
บริษัทจำเป็นต้องคำนวณและบันทึกผลประโยชน์พนักงานในส่วนนี้ด้วย
เช่น ถ้าบริษัทเคยจัดงานเลี้ยงประจำปีและให้ทองคำเป็นของขวัญเมื่อครบ 10 ปี แม้ว่าจะไม่มีระบุชัดเจนในสัญญาจ้าง แต่หากพนักงานคาดหวังว่าจะได้รับตามประเพณีเดิม ก็ถือเป็นภาระผูกพันตามมาตรฐาน TAS19 ที่ต้องคำนวณในบัญชี
4. ประเมินโดยมองไปข้างหน้า
การคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม
TAS19 จะเป็นการประเมินค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ดังนั้น
หากในเล่มรายงานมีตัวเลขค่าใช้จ่ายล่วงหน้าถึงปี 20X7 จะต้องประเมินใหม่
ณ สิ้นปี 20X7 ไม่สามารถรอประเมินปี 20X8 ได้ เพราะหากไปประเมิน ณ สิ้นปี 20X8 ผลลัพธ์ที่ได้มาจะเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าของปี
20X9 เป็นต้นไป กล่าวคือค่าใช้จ่ายของปี 20X8 จะขาดช่วงไป
ทั้งนี้หากบริษัทต้องการประเมินค่าใช้จ่ายย้อนหลัง ก็สามารถทำให้ได้ ในเฉพาะกรณีที่ต้องการปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังเท่านั้น
5. การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ
การคำนวณผลประโยชน์พนักงานควรทำโดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีขั้นตอนกระบวนการในการคำนวณที่ชัดเจนน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเลือกนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่เป็นระดับเฟลโล่ (Fellow)
นักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่มีระดับเฟลโล่คือผู้ที่สอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์ประกันภัยครบถ้วน
และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
การเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะช่วยให้การคำนวณเป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน
TAS19 หรือระดับสากล
โดยอาจารย์ทอมมี่ก็เป็นหนึ่งในนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่มีระดับเฟลโล่คนแรก ๆ ของเมืองไทย ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยมาอย่างยาวนานถึง 25 ปี และดูแลด้านผลประโยชน์พนักงานตาม TAS19 มากกว่า 2,000 บริษัท หากบริษัทใดสนใจในการคำนวณผลประโยชน์พนักงานก็สามารถติดต่ออาจารย์ทอมมี่ หรือบริษัท ABS ได้เช่นกัน
https://www.mol.go.th/wp-content/uploads/sites/2/1998/01/labour_protection_2541_new62.pdf
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ
เจียรมณีทวีสิน)
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)
อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย
และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี
ฉบับที่ 19 TAS19 IAS19