8 สิงหาคม 2562
ทางออกประเทศไทยของคนเกษียณอายุ
ทราบหรือไม่ว่า
ในอีกประมาณ 10 กว่าปีข้างหน้านั้น คนไทยจำนวน 1 ใน 4 (หรือร้อยละ 25)
จะมีอายุเกิน 60 ปี และถ้าหมุนเวลาต่อจากนั้นไปอีก 10 ปี จากที่คิดว่าอัตราส่วน 1
ใน 4 ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่เราจะกลายเป็นประเทศที่มีคนอายุเกิน 60 ปีอยู่ 1 ใน 3
ของประเทศ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ในตอนนั้น ถ้าเรามีคนไทย 3 คน
จะมีคนที่เกษียณอายุอยู่ 1 คน*
การวางแผนเพื่อการเกษียณสำหรับคนไทยในยามนี้
จึงเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติที่ทุกคนกำลังพูดถึงกันอยู่
ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้เพื่อให้ทุกคนได้หันมารู้จักการออมเงิน ใช้เงินให้เป็น
บริหารเงินให้เป็น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้รู้จักวางแผนการเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณได้
แต่สิ่งที่ทุกคนชอบคิดกันก็คือ
การที่ไม่ได้วางแผนว่าเราจะมีชีวิตยืนยาวกว่าที่คิด ซึ่งจากตารางมรณะของ คปภ.
(สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ที่ออกมาทุก ๆ 10
ปี จะเห็นว่า คนไทยจะมีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น 4 ปี ในทุก ๆ 10 ปี
ซึ่งหมายความว่า ถ้าตอนนี้อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 74 ปี สำหรับคนอายุ 40
ปีในตอนนี้ และเวลาผ่านไปอีก 20 ปีข้างหน้า ตอนนั้นคนไทยคงอายุขัยเฉลี่ย 82 ปี
(74+4+4) ไปแล้ว
สรุปคือ หลายคนที่มองว่าตัวเองคงแก่ตายตอนอายุ 74 ปี
แต่จริง ๆ แล้วอาจจะต้องเตรียมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณให้นานกว่านั้น
ความเสี่ยงที่ทุกคนลืมมองกันนี้เราเรียกว่า longevity risk ซึ่งแปลว่า
ความเสี่ยงที่เราจะอยู่อึด อยู่ทน อยู่ยืด อยู่นานนั่นเอง
ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงที่ตรงข้ามกับการตายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น (การใช้ชีวิตของคนบนโลกเราอยู่บนความเสี่ยงจริง
ๆ เพราะพอเราตายเร็วกว่าที่ควรจะเป็นก็เป็นความเสี่ยง
ตายช้ากว่าที่ควรจะเป็นก็เป็นความเสี่ยงอีก)
การวางแผนเพื่อการเกษียณจึงต้องคำนึงเผื่อถึงอายุขัยของแต่ละคนด้วย
ซึ่งแต่ละคนก็คงจะไม่สามารถคาดเดาอายุของตัวเองที่แน่นอนได้
บางคนอาจจะตายก่อนหรือตายช้ากว่าอายุขัยเฉลี่ยของคนไทย แต่ที่รู้ ๆ คือ
คนไทยจะมีอายุขัยเฉลี่ยที่นานขึ้นเรื่อย ๆ
เนื่องจากวิทยาการทางการแพทย์ที่ดีขึ้นตามลำดับ
(แต่ก็ต้องมีเงินค่ารักษาพยาบาลที่มากขึ้นตามเช่นกัน)
นอกจากเรื่องอายุขัยของแต่ละคนที่ยาวนานขึ้น จนทำให้ต้องเผื่อเงินสำหรับเกษียณอายุให้นานขึ้นแล้ว ประเด็นสำคัญที่คนไทยอาจจะยังไม่รู้ก็คือ อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีที่มันวิ่งเร็วกว่าอัตราการขึ้นของเงินเดือนหรือการเติบโตของกิจการของแต่ละคนไปมาก
อัตราค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยนั้นเฉลี่ยอยู่ที่
8% ต่อปี ซึ่งไม่ได้นับว่าสูง
เพราะถ้าสืบเสาะทั่วโลกแล้วก็จะเห็นว่ามันอยู่ที่ประมาณ 8-12% ต่อปีเช่นกัน
แปลว่าถ้าอัตราการขึ้นเงินเดือนหรืออัตราการเติบโตของกิจการอยู่ที่เฉลี่ย 4% ต่อปี
แต่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งขึ้นปีละ 8% ต่อปี คนไทยต้องทำงานเก็บเงินอย่างไรถึงจะพอ
ถ้าต้องการใช้เงินเกษียณไป
20 ปี (สมมุติว่าต้องอยู่ถึงอายุ 80 ปี) ปีละ 100,000 บาท ก็แปลว่า
ตอนนี้เราต้องทำงานเก็บให้ได้เงินเดือน ปีละ 100,000 บาท ไป
40 ปี (ดูตาราง)
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า การวางแผนการเงินสำหรับใช้ในยามเกษียณนั้นเป็นเรื่องที่ปล่อยไปไม่ได้
โดยทางภาครัฐได้เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น
เพื่อเตรียมตัวให้คนไทยพร้อมรับกับคลื่นยุคสังคมสูงอายุ
เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นที่เผชิญอยู่ในขณะนี้
และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าสังคมสูงอายุจะมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่โดนตรึงไม่ให้โต
และอัตราดอกเบี้ยจะต่ำ เพราะทุกคนจะแย่งกันออมในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานที่เตรียมออมสำหรับเกษียณ
รวมถึงคนที่เกษียณไปแล้วที่ไม่ควรลงทุนในอะไรที่มีความเสี่ยง เป็นต้น
ดังนั้น ใครที่วางแผนเกษียณก่อนตั้งแต่ตอนนี้จะได้เปรียบกว่า เพราะระยะเวลาที่ปล่อยให้เงินออกดอกออกผลนั้นไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าเงินต้นหรือตัวเงินที่เราใส่ไว้ตั้งต้นในการออมเลยครับ
หมายเหตุ :
*ข้อมูลที่ประมาณการข้างต้น
ไม่รวมโอกาสการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจากการติดเชื้อโควิด
ที่อาจจะกลายพันธุ์หรือแพร่กระจายในวงกว้างในอนาคต
ขอขอบคุณอ้างอิง: ประชาชาติธุรกิจ
เขียนโดย อาจารย์ทอมมี่
(พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
คอลัมน์คุยฟุ้งเรื่องการเงิน: วันที่ 7 ตุลาคม 2564