17 กรกฎาคม 2562
เมื่อพูดถึง มาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19 (TAS19) นั้น นักบัญชีหรือผู้สอบบัญชีย่อมจะอ่านผ่านคำว่า "คณิตศาสตร์ประกันภัย" บ่อย ๆ เป็นแน่ ซึ่งตัวมาตรฐานนั้นได้กล่าวถึงทั้งหลักการทางคณิตศาสตร์ประกันภัย อย่างวิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้ (Projected Unit Credit Method) ไปจนถึง "นักคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuary)" ซึ่งผู้อ่านเคยสงสัยไหมว่า คณิตศาสตร์ประกันภัยนั้นมามีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรฐานบัญชีได้อย่างไร?
ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายนั้น คณิตศาสตร์ประกันภัยก็คือการนำสถิติของความน่าจะเป็น (Probability) และคณิตศาสตร์การเงิน (Financial Mathematic) มาผสมผสานเพื่อสร้างแบบจำลองประมาณการกระแสเงินสดในอนาคต และภาระผูกพันที่ต้องตั้งในปัจจุบัน โดยถ้าจะมองในมุมมองนักบัญชีนั้น นักบัญชีคนไหน ๆ ก็ต้องเข้าใจหลักการคณิตศาสตร์การเงิน ส่วนความน่าจะเป็นนั้นก็แค่ต้องเอาตัวแปรสักตัวมาคูณ ถ้าหากแต่ในทางคณิตศาสตร์ประกันภัยนั้นความน่าจะเป็นจะถูกแตกออกเป็นปัจจัยย่อย ๆ หลายปัจจัย และต้องสามารถอธิบายได้ว่าในการเลือกใช้สมมติฐานนั้นไม่ว่าจะเป็นอัตราหมุนเวียน อัตรามรณะ หรืออัตราทุพพลภาพ เป็นต้น จึงได้ผลการประมาณการที่ละเอียดกว่าจึงจะถือได้ว่าเป็นการประมาณการที่ดีที่สุด
ถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างง่ายก็คงจะเปรียบได้กับการดูหนังภาพยนตร์ หรือการอ่านวรรณกรรมชื่อดัง อย่างเช่น Harry Potter หรือ Lord of the Ring ที่การอ่านจากหนังสือย่อมให้รายละเอียดที่ครบเครื่องมากกว่า และสามารถแสดงคุณค่าของตัววรรณกรรมนั้นออกมาได้อย่างเต็มที่ ก็เปรียบได้กับการประมาณการโดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่สามารถแสดงธรรมชาติของภาระผูกพันได้ครบถ้วนกว่า
กิจการที่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อสาธารณะ (Publicly Accountable Entitles: PAEs) จึงควรใช้การประมาณการ โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อที่จะได้เปิดเผยข้อมูลลักษณะธรรมชาติของภาระผูกพันอย่างละเอียดต่อผู้มีส่วนได้เสีย
กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Non-Publicly Accountable Entitles: NPAEs) อาจมองว่าการจ้างนักคณิตศาสตร์ประกันภัยนั้นจะต้องใช้ต้นทุนสูง แต่ในปัจจุบันนี้ทางอาจารย์ทอมมี่ได้นำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (Automation) มาผสมผสานกับระบบออนไลน์ (Online) เพื่อลดต้นทุน และส่งเสริมให้กับกิจการเข้าถึง การคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย มากยิ่งขึ้น