ผลประโยชน์พนักงานตัวใหม่ (ค่าทำศพพนักงาน 5 หมื่นบาท)

11 กันยายน 2564

ผลประโยชน์พนักงานตัวใหม่ (ค่าทำศพพนักงาน 5 หมื่นบาท)



'ผลประโยชน์ตัวใหม่นี้คืออะไร?  นายจ้างต้องเตรียมเงินไว้จ่ายหรือไม่?  นายจ้างต้องคำนวณผลประโยชน์พนักงานเพื่อตั้งภาระหนี้สินตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 19 ด้วยหรือไม่?'  นั่นเป็นคำถามที่ถูกถามกันเข้ามามากในช่วงที่ประกาศออกมา


ประกาศราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวงได้ออกประกาศใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 โดยแก้ไขเพิ่มเติมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง และมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มีใจความว่า



"กรณีเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย

ให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างในอัตรา 50,000 บาท"



ทั้งนี้ กรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จนถึงก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างในอัตรา 40,000 บาท



หลังจากประกาศนี้ได้ออกมาแล้ว ก็ได้มีการพยายามตีความหมายของคำว่า 'นายจ้างจ่ายค่าทำศพ 50,000 บาท' นั้นว่า หมายถึงอะไร?


ในความจริงแล้ว 'กองทุนเงินทดแทนโดยสำนักงานประกันสังคม' จะเป็นฝ่ายที่จ่ายค่าทำศพเป็นจำนวน 50,000 บาทให้ต่างหาก (จากเดิมที่จ่ายเพียง 40,000 บาท) โดยจะจ่ายเงินจำนวนนี้ให้กับผู้จัดการศพแทนนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทนทุกปี เพราะฉะนั้น การที่ประกันสังคมจ่ายให้นั้นจะถือว่านายจ้างได้จ่ายเงินค่าทำศพตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว  


ถึงตรงนี้ หลายคนก็คงสงสัยต่อไปว่า และถ้านายจ้างไม่ได้ขึ้นทะเบียนกองทุนทดแทนและไม่ได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน แล้วจะทำอย่างไร ซึ่งคำตอบคือ ลูกจ้างก็ยังคงได้รับความคุ้มครองอยู่ดี โดยสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายเงินให้ หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคมที่จะติดตามและดำเนินการตามกฎหมายกับนายจ้างที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน



อนึ่ง เงื่อนไขของการจ่ายค่าทำศพให้นั้น ก็ต่อเมื่อลูกจ้างเสียชีวิตหรือสูญหายเนื่องจากการทำงานเท่านั้น โดยต้องไม่ใช่เพราะลูกจ้างเสพของมึนเมาหรือสิ่งเสพติดอื่นจนไม่สามารถครองสติได้ หรือลูกจ้างจงใจให้ตนเองประสบอันตรายหรือยอมให้ผู้อื่นทําให้ตนประสบอันตราย (ก็คือห้ามไปเมา หรือห้ามไปจงใจ หรือยอมให้คนอื่นทำร้ายถึงตาย) 



อย่างไรก็ตามกฎหมายพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ได้ยกเว้นกิจการที่ไม่ถูกบังคับใช้ตาม พ.ร.บ. นี้ เนื่องจากมีกฎหมายของตนเองรองรับอยู่แล้ว ได้แก่

      1. ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น เฉพาะข้าราชการหรือลูกจ้างประจำ

      2. รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

      3. รัฐบาลต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ สำหรับลูกจ้างซึ่งมิใช่เป็นการจ้างงานในประเทศ

      4. นายจ้างอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 


ทั้งนี้ ขอเสริมว่าหากบริษัทมีการกำหนดนโยบายที่ให้ค่าทำศพเพิ่มเติมจากที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประกาศข้างต้น (คือจ่ายเพิ่มเติมไปจากที่ประกันสังคมได้ให้ไว้) ค่าทำศพเพิ่มเติมนี้จะถือเป็นความรับผิดชอบของนายจ้าง และถือเป็นผลประโยชน์ระยะยาวรูปแบบหนึ่ง ที่นายจ้างต้องรับผิดชอบ (ยกเว้นเสียแต่ว่า นายจ้างได้ซื้อประกันชีวิตหรือประกันค่าทำศพเอาไว้ และโอนถ่ายความรับผิดชอบให้กับบริษัทประกันภัย) และทำให้นายจ้างต้องคำนวณผลประโยชน์พนักงานไว้ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 19 เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน  


แต่มาดูกันว่า เมื่อเข้ามาตรฐานแล้วผลกระทบจากการตั้งเงินสำรองค่าทำศพนั้น เป็นอย่างไร? 




ถ้าหลักการและสมมติฐานในตัวอย่างการคำนวณมีดังนี้

      1. โอกาสเสียชีวิตก่อนเกษียณอ้างอิงจากตารางมรณะไทย ปี 2560 (Thai Mortality Ordinary Tables of 2017) ที่เผยแพร่ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ร่วมกับการปรับปรุงอัตรามรณะ (Mortality Improvement) ในมุมมองระยะยาว

      2. อัตราคิดลดอ้างอิงกับข้อมูลพันธบัตรรัฐบาลที่ไม่จ่ายคูปอง (Zero Coupon Bond) ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564

      3. และเพื่อความง่าย เราจะสมมติว่าอัตราการลาออกเป็น 0%


จากตารางด้านบน สมมติว่าเราให้พนักงานสามารถเกษียณอายุที่ 60 ปี โดยบริษัทมีนโยบายว่า ถ้าลูกจ้างเสียชีวิตในขณะที่ทำงานอยู่ บริษัทจะจ่ายค่าทำศพให้ 50,000 บาท (กรณีนี้ บริษัทไม่ได้ใช้ประกันชีวิต จึงต้องรับผิดชอบจ่ายเอง) แล้วจะเห็นว่าโอกาสเสียชีวิตในระหว่างทำงานนั้นค่อนข้างต่ำ จึงได้ข้อสรุปว่า เงินสำรองที่คำนวณได้นั้นจะมีค่าน้อยมากอย่างไม่มีสาระสำคัญ 


ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงความ Materiality ก็จะเห็นว่า . . .



ถึงแม้เราจะคำนวณผลประโยชน์พนักงานตัวใหม่นี้ไป

ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญแต่อย่างใดกับบริษัทนั่นเอง 





ขอขอบคุณอ้างอิง: ประชาชาติธุรกิจ 

เขียนโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)

คอลัมน์คุยฟุ้งเรื่องการเงิน: วันที่ 6 กันยายน 2564


โดย : อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน) ด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยคุณวุฒิสูงสุดระดับเฟลโล่ FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)

อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย 

อาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย

อาจารย์ที่ปรึกษาบทภาพยนตร์ Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน 

และผู้แต่งหนังสือ

  • The Top job Secret ภาค 1 - อาชีพเงินล้านที่คนไทยยังไม่รู้จัก
  • The Top job Secret ภาค 2 - ทำน้อยได้มาก ฉลาดเลือกงาน
  • ให้เงินทำงาน ภาค 1 - การจัดการสินทรัพย์และหนี้สินให้ถูกวิธี (Asset Liability Management)
  • ให้เงินทำงาน ภาค 2 - วิเคราะห์ภาษีกับนักคณิตศาสตร์ประกันภัย (ตัดสินใจวางแผนออมเพื่อประโยชน์ทางภาษี)

บทความที่เกี่ยวข้อง