งานหลังบ้านของแอคชัวรี

10 ตุลาคม 2561

 งานหลังบ้านของแอคชัวรี           


งานของ แอคชัวรี ถ้าจะเปรียบง่าย ๆ แล้วก็ยังแบ่งออกเป็นงาน หน้าบ้านกับงานหลังบ้าน ซึ่งคราวที่แล้วได้อธิบายถึง “งานหน้าบ้าน” ของแอคชัวรีกันมาพอสมควร คราวนี้จึงขอหยิบยก “งานหลังบ้าน” มาแจกแจงกันบ้าง

งานหลังบ้าน เป็นงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบไม่ยิ่งหย่อน ไปกวา่งานหน้าบ้านเลย ถ้าเปรียบการสร้างแบบประกันขึ้นมาแบบหนึ่งให้เหมือนกับการสร้างตึกแล้ว งานหน้าบ้านคือการออกแบบแปลนและ คำนวณว่าตึกที่จะสร้างนั้นจะมีคนมาซื้อและเมื่ออยู่แล้วจะไม่ล้มพัง ลงมา แต่เมื่อตึกนั้นได้ถูกขายไปแล้ว งานหลังบ้านจะรับช่วงต่อมาใน การดูแลรักษาตึกให้มีสภาพเรียบร้อยและทำให้คนที่เข้ามาอยู่มั่นใจได้ ว่าตึกนี้มีความมั่นคงแข็งแรง ไม่หวั่นแม้วันน้ำท่วม แผ่นดินไหว ซึ่งเมื่อ เปรียบเทียบกับการที่ลูกค้าได้ซื้อแบบประกันไปนั้นก็หมายความว่า บริษัทประกันภัยจะต้องจัดการความเสี่ยง ดูแลงบการเงิน เพื่อมั่นใจ ในความสามารถในการชำระหนี้ได้ (solvency) ของบริษัทเอาไว้จนกว่่าวันที่ต้องจ่ายเงินคืนให้กับลูกค้า


งานหลังบ้านของนักคณิตศาสตร์ประกันภัย


งานหลังบ้านจึงเป็นอะไรที่ต้องดูแลผู้ถือกรมธรรม์ไปตลอด อายุสัญญาที่ไดเ้ขียนเอาไว้ถ้าเป็นแบบประกันชีวิตที่คุ้มครองตลอดชีวิต แล้ว นั่นก็หมายถึงการที่จะต้องจัดการดูแลกรมธรรม์นั้นไปตลอดชีวิต ของลูกค้า ถึงแม้ว่าบริษัทขายสินค้ามานานแล้วหลายสิบปี แต่สินค้าที่ ขายมาตั้งแต่บริษัทยังเริ่มก่อตั้งนั้น ก็ยังคงสภาพเหมือนตึกที่สร้างเอาไว้ ต่างกันตรงที่ว่าตึกที่เก่าแล้วยังสามารถทุบทิ้งและสร้างใหม่ได้

 แต่กรมธรรม์นั้นจะยังคงอยู่คู่กับบริษัทตลอดไป ผลิตภัณฑ์ประกันภัย จึงเป็นอะไรที่ต้องมีการจัดการดูแลมากกว่าสบู่หรือผงซักฟอกที่ขายแล้ว ก็ขายเลย (แน่นอนว่าคงต้องมีบริการหลังการขายอยู่)  งานหลังบ้านของแอคชัวรีสามารถจำแนกออกได้คร่าว ๆ ดังนี้

          1. งานทางด้านการประเมินมูลค่าของหนี้สิน (Liability  valuation) ซึ่งจะต้องประเมินค่าต้นทุนที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร และเมื่อ เกิดขึ้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเท่า่ไร โดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ ประกันภัยเข้ามาประยุกต์และเอามาคำนวณมูลค่าเพื่อตั้งหนี้สิน (Liability) ในงบการเงินของบริษัทซึ่งหนี้สินสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ นั้นโดยหลักการแล้วจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ 1) เงินสำรองกรมธรรม์ ประกันภัย (Policy Reserve) และ 2) เงินสำรองสินไหมทดแทน (Claim Reserve) ซึ่งมีวัตถุประสงค์และการตีความเงินสำรอง ทั้ง 2 ชนิดต่างกัน มีความสำคัญต่างกันระหว่างบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย

         2.  การวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน (Profit and Loss  analysis) เพราะเงินสำรองที่ตั้งเพิ่มขึ้นในแต่ละปีนั้น คือการทำให้บริษัท รับกำไรในปีนั้นได้น้อยลง ในมุมกลับกัน ถ้าแอคชัวรีปล่อยเงิน สำรองออกมาใช้ในปีนั้น ก็จะเป็นการรับรู้กำไรในปีนั้นให้มากขึ้น ซึ่งการจะตั้งเพิ่มขึ้นหรือปล่อยออกมาเท่าไรนั้นก็จะต้องขึ้นกับหลักการทางคณิตศาสตร์ประกันภัย และชนิดของงบการเงินที่บริษัทใช้อยู่

         3.  การจดัการความสามารถในการชำระหนี้ได้ของบริษัท (Solvency ratio) ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากเงินสำรองที่บริษัทจะต้องตั้งแล้ว บริษัทยังต้องตั้งเงินกองทุนขั้นต่ำที่เอาไว้รองรับความเสี่ยง ด้านต่าง ๆ เอาไว้ด้วย

         4.  การจัดการเงินกองทุน  (Capital Management) เป็นสิ่งที่นักลงทุน และผู้ถือหุ้นของบริษัทได้เน้นหนักในปัจจุบันนี้ เพราะเงินทุนแต่ ละเม็ดนั้นมาจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งนั้น การจัด การเงินทุนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจึงเป็นเรื่องที่ สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น การจัดการดูแลกรมธรรม์และ ให้เงินปันผลแก่ลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องนำไปพิจารณาร่วมกับ ความเสี่ยงที่เหมาะสมด้วย  

         5.  การประเมินมูลค่าของบริษัท (Appraisal Value) ซึ่งจะเป็น กระบวนการที่ทำกันเป็นประจำสำหรับบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้น เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทมีค่าเท่ากับมูลค่าของบริษัทหารด้วย จำนวนหุ้นนั่นเอง การประเมินมูลค่าบริษัทจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างยิ่งยวด และนำตัวเลขที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น มาคำนวณ เป็นมูลค่าของบริษัท ส่วนบริษัทที่ไม่ไ่ด้อยู่ในตลาดหุ้นนั้นอาจจะมี การประเมินมูลค่าของบริษัทอยู่บ้างในแง่ของการซื้อขายบริษัท หรือควบรวมกิจการ

         6. อื่น ๆ เช่น งานการประกันภัยต่อ (Reinsurance) งานการเก็บ รวมรวมสถิติข้อมูล (Statistic report) งานการจำลองโมเดล  (Modeling) เป็นต้น ทั้งนี้งบการเงินของแต่ละบริษัทก็มีหลายแบบแตกต่างกันไป บางบริษัทนั้นมีงบการเงินมากถึง 5 – 6 แบบเลยทีเดียว

ภาพงานของแอคชัวรีจึงเป็นเหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง   ที่มองเห็นผิวเผินแล้วจะมีน้ำแข็งที่ยื่นโผล่มาบนผิวน้ำไม่มาก    แต่โดยปกติแล้วภูเขาน้ำแข็งจะน้ำแข็งอยู่ใต้ผิวน้ำมากกว่า น้ำแข็งที่อยู่บนผิวน้ำถึง 10 เท่า แล้วคุณล่ะครับเห็นภาพของ ภูเขาน้ำแข็งก้อนนี้หรือยัง ?

ที่มา :  วารสารประกันภัย   



โดย : อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน) มือหนึ่งด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย คุณวุฒิสูงสุดระดับเฟลโล่
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons) 
ผู้เขียนหนังสือขายดี The Top Job Secret ภาค 2 และที่ปรึกษาบทภาพยนตร์ Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน



Like Share

บทความอื่น