16 กรกฎาคม 2562
ทางออกประเทศไทยของแบบประกันบำนาญ
ประกันบำนาญเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ทุกคนควรมีไว้เพื่อช่วยวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ
แต่เนื่องจากบริบทของประเทศไทยที่มีมาตั้งแต่ในอดีต
จึงทำให้แบบประกันบำนาญที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่นานนี้ มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง
ส่งผลให้แบบประกันบำนาญที่ตกไปถึงมือของผู้บริโภคนั้นยังมีราคาแพงอยู่ อย่างไรก็ตาม
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ประชาชนยังไม่ค่อยเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินนี้
กฎเกณฑ์ของแบบประกันชีวิตที่อาจจะไม่เหมาะกับยุคสมัยของแบบประกันบำนาญอีกต่อไปนั้น จึงเป็นเหตุทำให้แบบประกันบำนาญที่ขายอยู่ในประเทศไทยนั้นมีราคาที่สูงโดยไม่จำเป็นอยู่บ้าง เช่น กฎเกณฑ์และกรอบดำเนินงานของธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบันนี้จะครอบคลุมรวมไปถึงประกันบำนาญด้วย เพราะถือว่าเป็นเรื่องของชีวิตคนเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริบทและกฎเกณฑ์ในการออกแบบโครงสร้างระหว่างประกันชีวิตกับประกันบำนาญนั้นควรจะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากชนิดของความเสี่ยงที่แตกต่างกัน และระยะเวลาที่ลงทุนก็แตกต่างกันด้วย
ดังนั้น
ประเทศไทยควรจะมีกฎเกณฑ์ที่อนุญาตให้บริษัทประกันชีวิตสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนในระยะยาว
ทางออกในเรื่องนี้สามารถทำได้ 3 วิธี คือ
a. เนื่องจากแบบประกันบำนาญนั้นจะต้องมีระยะเวลาลงทุนที่ยาวนานเป็นพิเศษ
ภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ควรวางแผนออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเป็นพิเศษเฉพาะให้กับแบบประกันบำนาญ
เช่น พันธบัตรระยะเวลา 50 ปี เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการในตลาด
พันธบัตรเหล่านี้ก็เหมือนวัตถุดิบในการผลิตแบบประกันบำนาญออกมาขาย
การที่มีพันธบัตรระยะยาวออกมาน้อยย่อมทำให้ต้นทุนของการผลิตมีราคาแพง
ทำให้เบี้ยประกันแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น
b. จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อวางกฎเกณฑ์ให้กับสินทรัพย์ใหม่
ๆ ที่ออกมาสู่ท้องตลาดซึ่งมีผลตอบแทนดีและมีความเสี่ยงน้อย
โดยเฉพาะสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Asset) ที่ไม่ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
แต่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน Life Settlement (กรมธรรม์มือสอง)
หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เน้นการลงทุนระยะยาว เป็นต้น
ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ของการดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยงไว้รองรับ
(ภาษาทางเทคนิค เรียกว่า RBC Risk Charge) ทำให้เหมือนโดนค่าปรับทางอ้อมโดยไม่จำเป็น
เช่น ลงทุนหุ้นที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์ที่กำหนด จะโดน 25% แต่ถ้าลงทุนในสินทรัพย์บางอย่างที่มีลักษณะเหมือนพันธบัตรหรือเสี่ยงน้อย
แต่กลับโดน 50% เพราะไม่เข้ากฎเกณฑ์ของ RBC ที่ตั้งไว้ เป็นต้น
c. เพิ่มทางเลือกของประกันบำนาญให้มีลักษณะเหมือนประกันพ่วงการลงทุน
ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกลงทุนได้เองในช่วงที่สะสมเงินก่อนเกษียณ
ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ปลดล็อคที่ไม่จำเป็นต้องไปผูกกับพันธบัตรที่ดอกเบี้ยต่ำอีกต่อไป
แต่ผู้บริโภคจะเป็นคนเลือกลงทุนเองและต้องรับความเสี่ยงจากการลงทุนไว้เอง
แบบประกันนี้ทางภาษาเทคนิคเรียกว่า Variable Annuity โดยจะจ่ายเงินขึ้นลงตามผลประกอบการจากการลงทุน
นอกจากนี้แล้ว ถ้าประเทศไทยสามารถปรับกฎเกณฑ์โครงสร้างด้านภาษีให้เหมาะสมมากขึ้น ก็จะสามารถช่วยให้แบบประกันบำนาญเข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้น จากเหตุผลต่อไปนี้
1. เบี้ยประกันบำนาญบางแบบนำมาลดหย่อนภาษีภายใต้กฎเกณฑ์ของสรรพากรไม่ได้
เนื่องจากทางสรรพากรอนุญาตให้แบบประกันบำนาญที่จ่ายเงินบำนาญแบบการันตีไปถึงอายุ
75 ปีเท่านั้น ที่จะนำไปลดหย่อนภาษี 200,000 บาทได้
ทำให้ขัดกับหลักของการประกันบำนาญที่แท้จริงไป
2. ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี วรรค 1 นั้นทำให้บริษัทประกันชีวิตถูกเรียกเก็บภาษีจากแบบประกันบำนาญมากกว่าแบบประกันอื่น ๆ เป็นพิเศษ ทำให้ราคาเบี้ยประกันบำนาญต้องแพงขึ้นเพื่อสะท้อนกับภาษีที่โดนเรียกเก็บมากกว่าแบบประกันอื่น
ในความเป็นจริงแล้ว
แบบประกันบำนาญนั้นเป็นทั้งเครื่องมือการออมและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่ชีวิตของเราจะอยู่นานเกินไปแล้วไม่มีเงินใช้จ่ายสำหรับค่าครองชีพและค่ารักษาพยาบาลในยามเกษียณ
โดยแบบประกันบำนาญที่ดีนั้น ควรจะจ่ายเงินบำนาญต่อไปเรื่อย ๆ
ให้ยาวกว่าอายุขัยเฉลี่ยที่คนปกติในประเทศนั้นมีอยู่มากกว่า 10 – 20 ปี ด้วยซ้ำ
ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีความหมายในการกระจายความเสี่ยงของผู้บริโภคด้วยวิธีการเฉลี่ยอายุขัยที่นักคณิตศาสตร์ประกันภัยได้ออกแบบไว้
แบบประกันบำนาญนั้น
เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศไทยในอนาคต ดังนั้น
ถึงแม้ว่าแบบประกันบำนาญในปัจจุบันนี้จะมีต้นทุนแฝงและไม่จำเป็นตามที่แจกแจงมาไว้อยู่บ้าง
แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องมีประกันบำนาญเพื่อวางแผนสำหรับการเกษียณอยู่
ซึ่งทางภาครัฐก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและคงจะมีการปรับกฎเกณฑ์ให้เหมาะสมมากขึ้นตามบริบทที่ควรจะเป็น
และเมื่อนั้นประกันบำนาญจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
ขอขอบคุณอ้างอิง: ประชาชาติธุรกิจ
เขียนโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
คอลัมน์คุยฟุ้งเรื่องการเงิน: วันที่ 17 มกราคม 2565