การบันทึกบัญชี “จากกฎหมาย 300 วันเป็น 400 วัน”
เนื่องจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา สาระสำคัญคือการเพิ่มค่าชดเชยของลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปี ให้มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน หรือ 13.3 เดือน (จากกฎหมายฉบับเดิมที่ได้รับค่าชดเชย 300 วัน หรือ 10 เดือน) โดยผลการพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 มีมติเห็นว่า
1. กรณีเป็นกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ หรือ กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะที่ถือปฎิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19 เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงาน (“กิจการ”) ย่อหน้าที่ 103.1 ระบุว่า กิจการต้องรับรู้ต้นทุนบริการในอดีตเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อมีการแก้ไขโครงการ ดังนั้นกิจการจะรับรู้ต้นทุนบริการในอดีตเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนในกำไรหรือขาดทุนในปี 2561 หรือปี 2562 ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลยพินิจของกิจการในการพิจารณาว่าการแก้ไขโครงการเกิดขึ้นในปีใด
2. กรณีเป็นกิจการไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (NPAEs) ให้กิจการตั้งประมาณการหนี้สินตามดุลยพินิจของฝ่ายบริหารในงวดที่เกิดภาระผูกพันขึ้น (ตามหลักการรับรู้รายการในย่อหน้าที่ 304 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ) โดยบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนในกำไรหรือขาดทุน
ตามข้อความข้างต้น จะสังเกตเห็นว่า การจะรับรู้ร่างกฎหมายใหม่นี้ ลงบัญชีในปีใด ก็ขึ้นกับดุลยพินิจของบริษัทว่าการแก้ไขโครงการเกิดขึ้นในปีใดสำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ หรือ กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ หรือขึ้นกับดุลยพินิจของฝ่ายบริหารในงวดที่เกิดภาระผูกพันขึ้นสำหรับกิจการไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทต้องการไปรับรู้ในปี 2562 แล้ว นั่นก็หมายความว่าในปี 2561 จะยังไม่มีการรับรู้แต่ควรให้เปิดเผยตัวเลขผลกระทบในหมายเหตุประกอบงบว่าจะเป็นเท่าไรแทน และเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้จริงในปี 2562 จึงค่อยเปลี่ยนคำนวณรับรู้ตัวเลขการคำนวณแบบ 400 วันแทน
ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าต้องคำนวณ 400 วัน พร้อมกันใหม่ทั้งหมดในวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็คงจะทำไม่ทันกันพอดี ดังนั้น บทความนี้จึงเสนอวิธีการเตรียมพร้อมการลงบัญชีตามกฎหมายใหม่ 400 วันที่มีความแม่นยำถูกต้อง และยังสามารถคำนวณเผื่อไว้ล่วงหน้าได้
จากแผนภาพดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ถ้าในอดีตบริษัทมีการคำนวณผลประโยชน์พนักงานแบบ 300 วันมาก่อนแล้ว หากเมื่อมีการประกาศบังคับใช้กฎหมายในไตรมาสใด บริษัทจะต้องปรับการบันทึกบัญชีจากตัวเลขเดิมของ 300 วัน ไปเป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวณใหม่แบบ 400 วันทันทีในไตรมาสนั้นที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งทาง ABS มองว่า คงเป็นไตรมาส 1 หรือไม่ก็ไตรมาส 2 ของปี 2562 นี้
ในทางปฏิบัติ เราก็จะคำนวณภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงานแบบ 400 วันไว้ล่วงหน้า โดยจะเลือกวันประเมินเดียวกันกับที่เคยประเมินแบบ 300 วัน เนื่องจากเวลาประเมินไปข้างหน้า จะได้นำตัวเลขในหมายเหตุประกอบงบ ณ วันที่ปิดงบในแต่ละปีข้างหน้ามาใช้ได้ด้วย
และในวันที่ประกาศกฎหมาย 400 วันมีผลบังคับใช้ บริษัทก็สามารถผูกการคำนวณจากเล่มรายงานแบบ 300 วัน ให้กลายเป็นแบบ 400 วันได้ไม่ยาก ดังแผนภาพ ที่เปรียบเหมือนถนน 2 เส้น และเปลี่ยนเลนส์กลางทาง (เช่น ที่ไตรมาส 1 หรือ ไตรมาส 2 เป็นต้น)
แต่หากไม่ทราบว่าจะต้องบันทึกบัญชีในเวลานั้นอย่างไร ก็สามารถดูได้จาก ABS Worksheet 300&400 ซึ่งจะอธิบายถึงการผูกตัวเลขของกฎหมายทั้ง 2 แบบ เข้าด้วยกัน ดังภาพ ซึ่งการจะใช้ Worksheet นี้ได้ จำเป็นจะต้องมีผลการคำนวณตามกฎหมาย 300 และ 400 วันเสียก่อน
โดยจากภาพดังกล่าว มีขั้นตอนการบันทึกดังนี้
1. กรอกตัวเลขตามรายงาน 300 วัน
2. กรอกตัวเลขตามรายงาน 400 วัน
3. เลือกไตรมาส (เมื่อใส่ตัวเลข จะเห็นคำอธิบาย)
4. ตัวเลขจะผูกจาก 1 และ 2 โดยอัตโนมัติ และนำตัวเลขในข้อ 4 ไปบันทึกบัญชี
สามารถดาวน์โหลด ไฟล์ “ABS Worksheet 300&400” ได้ที่
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด
สำหรับใครที่ดาวน์โหลด Worksheet ไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะใช้ Worksheet หรือกรอกข้อมูลพนักงานอย่างไร สามารถกดดูวีดีโอสอนการใช้ และคำนวณในคลิปด้านล่างนี้ได้ครับ
วีดีโอนี้จะอธิบายถึงหลักการและผลกระทบของภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงานที่มีต่อกฎหมายแรงงาน 400 วัน
เพื่อให้ทุกท่านสามารถวิเคราะห์ที่มาที่ไปถึงผลกระทบได้
นายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย
อาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย
อาจารย์ที่ปรึกษาบทภาพยนตร์ Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน
และผู้แต่งหนังสือ
The Top Job Secret ภาค 1 – อาชีพเงินล้านที่คนไทยยังไม่รู้จัก
The Top Job Secret ภาค 2 - ทำน้อยได้มาก ฉลาดเลือกงาน
ให้เงินทำงาน ภาค 1 - การจัดการสินทรัพย์และหนี้สินให้ถูกวิธี (Asset Liability Management)
ให้เงินทำงาน ภาค 2 - วิเคราะห์ภาษีกับนักคณิตศาสตร์ประกันภัย (ตัดสินใจวางแผนการออมเพื่อประโยชน์ทางภาษี)
บทความที่เกี่ยวข้อง