9 กุมภาพันธ์ 2564
ภาพรวมและแนวโน้มตลาดประกันในปี 2564 (หลังโควิดระลอกใหม่)
“การประกันก็คือการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข โดยมีการรวมความเสี่ยงมาไว้ที่บริษัทประกันเพื่อบริหารและกระจายความเสี่ยงกันออกไป”
ธุรกิจด้านการประกันภัยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ถดถอยลง
เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) โดยผมอยากจะให้ภาพรวมในมุมมองต่าง
ๆ ทั้งหมด 5 มุมมอง ดังนี้
1.แนวโน้มของรูปแบบสินค้าประกันภัย
บริษัทประกันจะมีการปรับเบี้ยประกันภัยพร้อมกับปรับตัวให้ลักษณะผลตอบแทนสอดคล้องกับภาวะตลาดในยุคนี้
โดยผ่องถ่ายความเสี่ยงจากการลงทุนให้ผู้บริโภคมากขึ้น เช่น กรมธรรม์สะสมทรัพย์ที่การันตีผลประโยชน์ทั้งหมด
จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบที่มีส่วนร่วมในเงินปันผลมากขึ้น
ซึ่งแทนที่ทุกอย่างจะจ่ายเป็นเงินที่การันตี(เรียกว่า เงินสดคืน หรือ coupon)
ก็จะกลายเป็นการจ่ายเงินสดคืนส่วนหนึ่ง
และอีกส่วนเป็นรูปแบบเงินปันผลที่ไม่การันตี (ขึ้นกับผลประกอบการของบริษัท)
เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทประกันจัดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ
ที่นอกเหนือจากพันธบัตรได้มากขึ้น ดังนั้น
กรมธรรม์อีกรูปแบบหนึ่งที่น่าจะเข้ากับตลาดในยุคนี้คือ
กรมธรรม์ประกันพ่วงการลงทุน(หรือยูนิตลิงก์) ซึ่งหาอ่านรายละเอียดได้ในบทความก่อน
ๆ ที่ผมเคยเขียนลงไว้
2.แนวโน้มของการลงทุนของบริษัทประกันภัย
เมื่อบริษัทประกันรับเบี้ยประกันภัยจากประกันสะสมทรัพย์หรือบำนาญมา ส่วนใหญ่จะนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในพันธบัตร เพื่อที่จะการันตีเงินคืนให้กับลูกค้าได้ (เป็นวิธีจัดการความเสี่ยงของบริษัทประกันอยู่แล้ว) แต่ในสภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ การหาผลตอบแทนที่สูงเป็นไปได้ยาก ทำให้บริษัทประกันภัยต้องมองหาการลงทุนที่แตกต่างจากการลงทุนแบบเดิม และให้ประโยชน์กับผู้บริโภคให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้ในภาวะผลตอบแทนจากการลงทุนที่จำกัด
3.แนวโน้มของการให้บริการลูกค้า
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โรคระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้ผู้คนต้องทำงานที่บ้าน (work
from home) หรือรักษาระยะห่างทางสังคม (social distancing) เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายของโรคจากคนสู่คน
บริษัทประกันภัยจึงจำเป็นต้องหาทางปรับตัวเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้อยู่รอด
และให้ธุรกิจประกันภัยมีความสะดวกต่อลูกค้ามากขึ้น โดยการใช้นวัตกรรมในด้านต่าง ๆ
หรือการใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น
4.แนวโน้มของช่องทางการจัดจำหน่าย
ลูกค้าจะมีการเปรียบเทียบผลประโยชน์และความคุ้มครองกรมธรรม์
และมีการพิจารณาตัดสินใจก่อนที่จะซื้อกรมธรรม์มากขึ้น
ไม่ได้ซื้อเพียงเพราะความสัมพันธ์ของบุคคล หรือซื้อเพราะความเกรงใจอีกต่อไป
การระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้ผู้คนทั่วไปเริ่มตระหนักถึงการทำประกันภัยมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากได้เห็นถึงความสำคัญของการทำประกันภัยที่แท้จริงอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ผู้ที่ไม่เคยได้ทำประกันภัยไว้
เมื่อเกิดภัยขึ้นก็อาจจะแบกรับความเสียหายที่มากเกินไม่ไหว
ทำให้คนเหล่านั้นเริ่มสนใจและเริ่มศึกษาหาความรู้ในด้านประกันภัยมากขึ้น
5.แนวโน้มของประกันสุขภาพ
จากสถิติของไทยนั้น ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8% ต่อปี หมายความว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ค่ารักษาพยาบาลจะแพงขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน จนควักเงินจ่ายเองไม่ไหว เช่น ถ้าเป็นไข้หวัด 1 ครั้ง สมมุติค่าต้นทุนค่ารักษาพยาบาลคือ 1,500 บาทในตอนนี้ แต่อีก 10 ปีข้างหน้า ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มเป็น 3,000 บาท เมื่อถึงตอนนั้นแล้วการเข้าถึงโรงพยาบาลจะกลายเป็นเรื่องที่ยากในทันที
ดังนั้น ถ้าให้ผมฟันธงแล้ว
จะเห็นว่าทิศทางของแบบประกันสุขภาพ
โดยเฉพาะเรื่องความคุ้มครองโรคร้ายแรงและคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเวลาที่เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลนั้นจะยังมาแรงอยู่
และที่มาแรงอย่างเงียบ ๆ คือ ประกันพ่วงการลงทุน (ยูนิตลิงก์)
ที่เปิดโอกาสการซื้อประกันในมิติใหม่ที่จะทำให้เบี้ยประกันถูกกว่าแบบประกันแบบการันตีทั่วไป
และสุดท้ายที่เข้ามาแน่นอนคือ ประกันโควิด
ที่จะโหนกระแสเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 นี้
โดยทางฝั่งลูกค้าก็จะมีการปรับตัวในลักษณะของการที่จะหาความรู้ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน
เพราะเนื้อหาความรู้ของตัวแบบประกันภัยเองนั้น สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
หรือถ้าอยากให้ผมเขียนหัวข้อไหนเกี่ยวกับแบบประกันก็ inbox เข้ามาได้ที่เพจนักคณิตศาสตร์ประกันภัย-ทอมมี่ แอคชัวรี ได้ครับ
ขอขอบคุณอ้างอิง : ประชาชาติธุรกิจ
เขียนโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
คอลัมน์คุยฟุ้งเรื่องการเงิน: วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564
นายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย
อาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย
อาจารย์ที่ปรึกษาบทภาพยนตร์ Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน
และผู้แต่งหนังสือ
บทความที่เกี่ยวข้อง